"แตงโม นิดา" เปิดใจ "นิก" โพสต์ เอาดีใส่ตัว...เอาชั่วใส่คนอื่น หลังออกรายการคลับฟรายเดย์

 "แตงโม นิดา" เปิดใจ "นิก" โพสต์ เอาดีใส่ตัว...เอาชั่วใส่คนอื่น หลังออกรายการคลับฟรายเดย์

ตกเป็นประเด็นร้อนร่วมกันอีกครั้ง สำหรับคู่ของอดีตคนเคยรัก แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ และ นิก-คุณาธิป ปิ่นประดับ หลังรายการ Club Friday Show ช่อง อมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ถูกออกอากาศ โดยนักแสดงสาวซึ่งเป็นแขกรับเชิญได้ให้สัมภาษณ์ถึงประสบการณ์ความรักในอดีต ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาการป่วยโรคซึมเศร้า เนื่องจากพฤติกรรมหึงหวงของแฟนหนุ่มรุ่นน้อง

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ทางด้าน นิก คุณาธิป ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า "เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ไม่ดีมั้ง แต่งเสริมเติมแต่ง อย่าให้พูดบ้างแล้วกัน หนัก" จนส่งผลให้เรื่องนี้กลายเป็นที่จับตามองอย่างรวดเร็วของบรรดาชาวเน็ต ซื้อหวย

กระทั่งล่าสุด วันนี้ (29 ธ.ค. 64) แตงโม นิดา ก็ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงเจตนาของตนเองในประเด็นดังกล่าว พร้อมทั้งถือโอกาสนี้พูดถึงเหตุการณ์ที่ เอ ศุภชัย ผู้จัดการดาราคนดัง ยกหนี้สินมูลค่ากว่า 5 แสนบาท ที่เธอเคยหยิบยืมไว้ในวันที่ชีวิตเจอกับวิกฤต จนกลายเป็นที่มีของคลิปวิดีโอน้ำตาแตกบนโลกโซเชียลฯ

หลายคนสงสัยเกี่ยวกับโพสต์ของ นิก คุณาธิป ว่ามันเชื่อมโยงกับการที่เราไปออกรายการคลับฟรายเดย์หรือเปล่า ?
“ในส่วนที่น้องนิกโพสต์ไป จริงๆ แล้วโมไม่ค่อยอยากที่จะพูดต่อความยาวสาวความยืดเท่าไหร่ ก็จะขออธิบายสั้นๆ นิดเดียวว่า ในส่วนที่โมพูดอ่ะค่ะ มันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว และทุกวันนี้โมไม่ได้หมายความว่าเขายังเป็นแบบนั้นอยู่ ในทุกวันนี้โมก็เห็นว่าเขาเจอคนที่เหมาะสมกับเขา ดูแบบว่าเข้ากันได้ดีมาก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่โมแฮปปี้ที่สุดแล้ว ก็คือไม่ได้พูดเพื่อจะแบบทำลายล้างหรืออะไรพวกนี้เลย เพียงแต่โมไปออกในบริบทที่ว่า เขาถามว่าโรคซึมเศร้า เอ่อ…ในช่วงนั้นมันเป็นยังไง โมก็เลยต้องเล่าเป็นวิทยาทานเพื่อบางคนที่มีคนในครอบครัวเป็นสภาวะแบบโม เขาจะต้องระวังอะไรบ้าง ก็คือคนฟังโดยส่วนใหญ่ถ้ามองออกมาไกลๆ หน่อย ก็จะมองเข้าไปเห็นถึงการที่โมพูดเนี่ย โมพูดถึงประเด็นที่ว่ามันเป็นแค่การกระตุ้นโรคให้เกิดกำเริบมากขึ้น ประมาณนี้ค่ะ”

ตอนนี้ยังได้คุยกับน้องอยู่ไหม ?
“เอ่อ…ช่วงที่ห่างกันไปแรกๆ อาจจะมีบ้าง เพราะเราก็ไม่ได้โกรธไมได้เกลียดกัน คือโมนิยมเลยที่ลดความสัมพันธ์กับใครแล้วจะต้องมาแบบโกรธกัน คือมันไม่ใช่กฎของชีวิตโมเลย เพราฉะนั้นในช่วงนั้นมันก็อาจจะมีคุยกันอยู่บ้าง ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ขอโทษขอโพยซึ่งกันและกัน ขอบคุณซึ่งกันและกัน และก็ยืนยันค่ะว่าเรายังคงมีความรักและความเป็นห่วงกันนะคะ แต่ว่ามันอาจจะไม่ใช่ในสถานะเดิมเท่านั้นเอง แต่พอเราได้มูฟออนชีวิตของเรามาเรื่อยๆ แล้ว ตัวโมเองก็ทำงานเยอะขึ้น ไหนจะต้องเรียนด้วย และก็มีลูกต้องเลี้ยง รวมถึงโมเพิ่งได้คบกับเบิร์ด ส่วนตัวน้องเขาก็มีแฟนใหม่ที่คบกัน ฉะนั้นพอมาถึงตรงนี้เราจึงพยายามไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน และก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันด้วย”

เรารู้สึกยังไงบ้างกับสิ่งที่เขาโพสต์ ?
“เข้าใจได้ค่ะ มันก็ตีความหมายได้หลายอย่าง แต่โมจะพยายามเข้าใจในแบบที่ว่า เอ่อ…เราเข้าใจในส่วนของคนที่ไม่ได้ออกมาพูด ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น แต่ก็ต้องอธิบายเลยว่ามันเป็นพื้นที่ที่รายการให้โมไปพูด เอ่อ…ถ้าเกิดแบบเขามีสิทธิ์ที่จะระบาย หรือว่าบอกเล่าในพื้นที่ของเขา มันก็ไม่ได้ผิดอ่ะค่ะ หรือไม่ก็อาจจะรอให้รายการเชิญเขาไปและก็อาจจะพูดในส่วนของเขา ที่แบบ เอ่อ…มีความรู้สึกไม่ค่อยดีกับโม ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าช่วงนั้นเราสองคนทุกข์กันมากจริงๆ เราพยายามกันที่สุดแล้ว ไม่ใช่ไม่รักกันนะคะ แต่เราแบบ อาจจะไม่ตอบโจทย์ซึ่งกันและกันอ่ะค่ะ”

กับคำว่า เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น เรารู้สึกว่าแรงไปไหม ?
“อันนี้ต้องแยกนะคะ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น เอาดีใส่ตัวคือเอาความดีไปยัดให้เขาหรือว่าเขาดีอยู่แล้ว อันนี้ต้องคิดด้วย ส่วนเอาชั่วให้คนอื่น อันนี้ก็ต้องคิดในทางกลับกันเหมือนกันค่ะ ว่าเอาความชั่วร้ายไปใส่ให้เขาหรือเปล่า อันนี้โมไม่สามารถตอบได้ เพราะว่ามันอาจจะเป็นเพียงคำพูดของโม ถ้างั้นก็ เอ่อ…สมมติว่ามันไม่มีสิ่งนั้นที่โมพูดออกไป สมมติว่าโมไม่ได้ออกรายการนั้น ไม่ได้มีสิ่งใดเกิดขึ้น มันก็ยังมีส่วนของเหตุการณ์ที่มีพยาน และคนในครอบครัวรู้เห็นอีก มันก็คือความจริงอ่ะ ทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วแหละว่าเวลาโมพูด โมไม่แทบจะมีอะไรเพิ่มไปให้ที่มันมากเกินกว่าที่โมให้ คือโมเป็นคนหนึ่งที่สัมภาษณ์อะไรค่อนข้างให้เกียรติกับคนที่เขาอยากได้ประเด็นจากเรา และก็รายการของ พี่อ้อย-พี่ฉอด ทุกคนรู้ดีว่า เป็นรายการที่ค่อนข้างแบบคัดเลือกคนที่จะมาเป็นตัวอย่างให้กับเรื่องความของคนอื่น”

กลัวไหมว่าถ้าเขาออกมาพูดมันจะกลายเป็นหนังคนละม้วน ?
“ไม่กลัวเลยค่ะ ไม่กลัวเลย เพราะว่า… โมว่ามันไม่ใช่ว่าคนละมุมนะคะ โมว่ามันมีในส่วนที่โมพูดก็คือส่วนของโม แต่ว่าในส่วนของเขาก็น่าจะมีส่วนของเขาที่เขาต้องอดทนกับโม เพราะว่าโมในตอนนั้นก็ไม่ใช่โมในตอนนี้ ตัวเขาก็เช่นกันอ่ะค่ะ ตัวเขาในวันนั้นก็อาจจะไม่ใช่เขาในวันนี้ก็ได้”

จะมีโอกาสได้พูดคุยกันซึ่งหน้าไหม ?
“โมว่าถ้าจะให้ไปนั่งดีเบตกัน โมว่ามันไม่จำเป็นเลยอ่ะค่ะ เราเก็บความรู้สึกดีๆ ไว้ก็เท่านั้นดีกว่า และเราก็รู้สึกว่าเราก็จะได้จัดเรียงลำดับถูก ว่าเราจะวางตัวกับเขาเป็แบบพี่สาวน้องชายในวงการหรืออะไรแบบนี้ จะเอาเรื่องเก่าๆ ขุดขึ้นมาพูดมันก็ไม่ใช่เรื่องอ่ะค่ะ โมก็ไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไรกับคนดูด้วย และก็มันจะมีประโยชน์อะไรจากเรา อีกอย่างเราเองก็ต้องให้เกียรติคนที่เราคบอยู่ด้วย”

บางช่วงบางตอนที่เราให้สัมภาษณ์ มันจะมีการบ่งบอกถึงพฤติกรรมของเขาว่า ฉีกเสื้อ ทำร้ายร่างกาย อันนี้จัดเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาต้องออกมาโต้ตอบหรือเปล่า ?
“โมไม่ขอลงรายละเอียดในเรื่องนี้แล้วดีกว่าค่ะ เอ่อ…เรื่องนี้จริงๆ แล้วจบได้ง่ายๆ มากๆ เลยค่ะ ก็คือถามคุณแม่นิกได้เลยค่ะว่า โมรักลูกเขาขนาดไหน คุณแม่รู้ดีที่สุดค่ะ”

รักที่ผ่านมาของเราไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ตัวเราเองรู้สึกยังไงบ้าง ?
“สำเร็จหรือไม่สำเร็จก็อยู่ที่เราตั้งเป้ามันไว้ขนาดไหนนะคะ ถ้าเราตั้งไว้ถึงแบบ มีลูก แต่งงาน มีอนาคต ถ้าเป้ามันอยู่ตรงนั้นแล้วเราไปไม่ถึง อันนั้นเรียกว่าไม่ประสบความสำเร็จ แต่ของโม โมอาจจะยังไม่ได้มองไปไกลขนาดนั้น เพราะตัวโมเอง โมก็มีลูก มีงาน มีเรื่องการเรียนที่ต้องดูแลและจัดการ ฉะนั้นการที่โมไม่ได้ตั้งเป้าหมาย และมันก็ไม่ได้มีอะไรเลยจากเป้าหมายที่เราไม่ได้ตั้ง โมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะผ่านมาและก็ผ่านไปค่ะ”

ยืนยันว่าสิ่งที่เราพูดในรายการเป็นความจริง ไม่มีการใส่สีตีไข่ ?
“ก็…เอ่อ ก็อยากให้ไปดูในรายการเองค่ะ การันตีด้วย พี่อ้อย-พี่ฉอด”

การออกมาพูดครั้งนี้ไม่มีผลต่อความรักครั้งใหม่ของเราใช่ไหม ?
“ไม่มีค่ะ เพราะว่าความรักครั้งใหม่เราค่อนข้างที่จะเข้าใจกันในทุกเรื่องเลยค่ะ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ คือถ้าเขาได้ฟังทั้งหมดโดยที่แบบไม่ได้มีการตัดตอนหรืออะไรอ่ะนะคะ เขาก็จะเข้าใจว่าเจตนาของโมเป็นยังไง และก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะว่าร้ายใคร เพราะฉะนั้นเขาก็เข้าใจอยู่แล้วค่ะ”

อยากบอกกับอะไรหลายคนที่เข้ามาคอมเมนต์เราไหม ?
“อยากบอกว่า ให้เขาเอ่อ…ให้กำลังใจ และก็อยู่เคียงข้างน้องต่อไปแบบนี้ ตลอดไปเลยค่ะ”

พี่เอยกหนี้ให้ 4 แสน ?
“ก็จริงๆ แล้วโมก็ไม่ได้ตั้งใจ ว่าจะไปได้อะไรเลยนะคะ ก็คือพี่เอเขามีวันเกิดตรงกับวันคริสต์มาสพอดี แล้วทุกๆ ปีเราจะไปฉลองที่เชียงใหม่ด้วยกัน แต่โควิดมันก็เลยไม่ได้ไปกันหลายปีแล้ว ปีนี้เราก็เลยยกพวกไปเซอร์ไพรส์พี่เอที่บ้าน แล้วก็เจอเซอร์ไพรส์กลับ ด้วยความที่พี่เอเอ็นดูน้องรักน้อง เห็นกันมานาน พี่เอก็เลยยกหนี้ให้ แต่จริงๆ พี่เขาอาจจะลืมไป ในคลิปพี่เอบอกว่า 4 แสนใช่ไหมค่ะ แต่จริงๆ แล้วมัน 5 แสนบาทค่ะ พี่เออาจจะไม่รู้ว่ามันครึ่งล้านเลยนะคะ แต่ว่าไม่เป็นไรค่ะ เราไม่ถือสากัน”

5 แสนที่ยืมมา เป็นค่าอะไร ?
“ก็จะเป็นในเรื่องของช่วงโควิดนะคะ ที่เจอเรื่องที่จะต้องใช้จ่ายมากๆ เลยก็คือคุณพ่อป่วย แล้วก็จะมีค่าเทอมโมด้วย แล้วก็จะมีในเรื่องของจิปาถะ ด้านอะไรหลายๆ อย่าง เพราะโมเป็นเสาหลักในบ้าน แล้วช่วงนั้นเราไม่ได้รับงานเลย เรียนอย่างเดียวเลย บวกกับที่เราไปผิดพลาดจากศัลยกรรม จนตอนนั้นยังทำงานไม่ได้ ก็เลยหายไปจากหน้าจอประมาณ 2 ปีได้ แต่ว่าก็จะเจอกับพี่เออยู่บ่อยๆ เจอล่าสุดก็งานศพคุณพ่อ แล้วได้มาเจอกันคราวนี้ก็คือคิดถึงกันมากๆ”

ตอนขอยืมว่าซึ้งแล้ว ตอนที่เขายกหนี้ให้ซึ้งกว่า น้ำตาแตกทั้งสองคนเลย ?
“ใช่ค่ะ คือมันเป็นความรู้สึกที่มันไม่ใช่เรื่องเงินค่ะ มันเป็นเรื่องความเสียสละให้น้องคนหนึ่ง โมรู้สึกว่ามันทำให้เราอุ่นใจเข้าไปอีก ว่าถึงเราจะเคยหยิบยืมเขาในยามลำบาก แต่ระยะเวลาที่ผ่านมา เราก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้ว ว่าเราไม่ได้จมอยู่กับที่ เรามีเหตุการณ์มากมายผ่านมา เราก็มูฟออนตลอด ซึ่งพี่ๆ ก็จะคอยดูเราอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ”

เล่าจุดเริ่มต้นความสนิท ?
“จริงๆ แล้วเรารู้จักกันมาตั้งแต่โมเข้าวงการเลยค่ะ เข้ามาก็รู้จักกับพี่วุฒิก่อน พี่วุฒิเป็นเพื่อนของพี่เออีกทีหนึ่ง พี่วุฒิเป็นผู้จัดการโม แล้วก็ซี ศิวัฒน์ หลังจากนั้นก็รู้จักกันมามายาวจนปัจจุบันนี้ค่ะ”

เขายกหนี้ให้ 4 แสน แต่จริงๆ แล้ว 5 แสน แล้วต้องจ่ายเพิ่มหรือเปล่า ?
“ก็บอกพี่เอนะคะ ว่าขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ที่ลืมไปอีก 1 แสนนะคะ โมลดให้ค่ะ ไม่เป็นไร”

แล้วเราได้มีอะตอบแทน หรือว่าขอบคุณอะไรไหม ?
“ก็ขอบคุณ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลยค่ะ เรารู้สึกแบบนี่แหละคือครอบครัวของเรา มีความรู้สึกว่า หลังจากที่คุณพ่อเสียไป เราก็ยังมีคนที่อยู่กับเรา เวลาเราทุกข์ แต่เวลาเราสุขเราก็สุขด้วยกันตลอด พี่เอไม่เคยหายไปจากโมเลย โมก็ไม่รู้จะใช้คำไหนมาขอบคุณ โมก็เลยบอกว่าพี่เอ ต่อไปนี้ถ้าพี่เอรู้สึกว่าโมเหมาะสมกับงานไหน โมจะทำงานใช้จนกว่ามันจะหมดไปค่ะ หรือว่าจพทำใข้ตลอดไปเลยก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นพี่เอแล้ว โมโอเค พร้อมเสมอ”

ความรู้สึกมันมากกว่าเงินที่ได้รับใช่ไหม ?
“ใช่ค่ะ เพราะว่าเราไป เราก็ไม่ได้หวังอะไรเลยจริงๆ อยากไปเซอร์ไพรส์เขา อยากให้เขามีความสุขแค่นั้นเลย วันนั้นมิสชั่นคอมพลีทแล้ว แต่เพราะความเมตตา ความน่ารักของพี่เอ ก็เลยมีเหตุการณ์นี่เกิดขึ้น โมก็ต้องขอบคุณแทนคุณพ่อด้วย ที่พี่เอมีความรู้สึกดีๆ ให้กันมาตลอด ถ้าพ่อได้รู้ พ่อคงจะขอบคุณพี่เอ จนไม่รู้จะขอบคุณยังไงเหมือนกัน”

ปัญหาเรื่องเงินที่เราเจอในช่วงโควิด มันดีขึ้นหรือยัง ?
“มันคลี่คลายไปเยอะมากแล้วค่ะ จากตอนนั้น ที่เคยออกไปรายการมีหนี้อยู่ประมาณ 10 ล้านบาทได้ เพราะบ้านเราเคยเอาไปรีไฟแนนซ์ ตอนมีปัญหาต้มยำกุ้ง แล้วตอนนี้ก็มาครึ่งทางแล้ว โมก็รู้สึกว่ามันเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่เราจะสู้ต่อไป”

งานตอนนี้ก็เริ่มมีเข้ามาเรื่อยๆ ใช่ไหม ?
“ก็มีเข้ามาเรื่อยๆ เลยนะคะ ก็คือได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่ อย่างพี่พชร์ อานนท์ ด้วยนะคะ อย่างที่เห็นกัน ในระยะที่ผ่านมา ก็เหมือนจะมีดรามาเรื่องโมกับพี่พชร์ แต่ตอนนี้เรื่องนั้นก็คลี่คลายไปแล้ว เพราะฉะนั้นโมก็มรพี่พชร์คนเดิม ที่โมเคยรู้จัก แล้วพี่พชร์ก็ยังเมตตาโมเสมอเลย มีหนังหอแต๋วแตก ก็เรียกโมไปเล่น แล้วในส่วนของละคร ก็เพิ่งจะเปิดกล้องไป แล้วก็ยังมีในส่วนของพรีเซ็นเตอร์ แล้วก็ธุรกิจเซรั่มของโมทุกๆ อย่างเป็นไปได้ด้วยดีพร้อมๆ กันหมดเลย เลยรู้สึกว่า มันเป็นช่วงเวลาที่โชคดีมากๆ มีความสุขมากๆ คิดย้อนกลับไปแล้วแบบ ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมูฟออกมาได้เร็วขนาดนี้ เพราะคุณพ่อเพิ่งเสียไปได้แค่ปีกว่าๆ เอง”

หวั่นใจกับโควิดระลอกใหม่ไหม ?
“สำหรับโอมิครอน ก็ได้รับข่าวมาบ้าง แต่ในใจโม โมรู้สึกว่า ถ้าเรารักษามาตราการอยู่แล้ว เป็นคนเคร่งครัดอยู่แล้ว มันก็พอจะช่วยได้อีกขั้นหนึ่ง แต่ทางที่ดีก็คืออยากเอาตัวเองไปเสี่ยงในที่คนมากๆ เช่นช่วงปีใหม่ โมก็ไม่รออกไปไหนเลย ขออยู่แต่ในกรุงเทพฯ เพราะคนน้อยมากๆ จะไม่ไปที่ที่เขาท่องเที่ยวกัน ก็เป็นการป้องกัน ส่วนในเรื่องของงาน ก็ต้องรอดูกัน แต่ด้วยความที่โมเป็นคริสเตียนด้วย โมมีความเชื่อ แล้วก็มีความหวังอยู่เสมอ ว่าฟ้าหลังฝน พระเจ้าจะอวยพรให้เราได้เจอกันสิ่งดีๆ ตลอดค่ะ”

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

"ปันปัน" สวยแซ่บมาก ฉลองวันเกิดอายุ 25 ปี ใส่ชุดเซ็กซี่ แย่งซีนสุดๆ

"เท่ง เถิดเทิง" กำลังจะเป็นคุณปู่ ลูกชายมีเซอร์ไพรส์ใหญ่ ดักดราม่ายังดูเด็กแต่มีลูกแล้ว?

โอ้โห "อั้ม พัชราภา" สร้างบ้านให้คุณยาย ปลื้มปริ่มใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว